ประเทศฟรีวีซ่า เที่ยวได้ คนไทยผ่านฉลุย!

เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ฟรีวีซ่า

เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ประเทศฟรีวีซ่า คนไทยผ่านฉลุย!

เคยไหมเก็บเงินมาทั้งปี จะได้หยุดยาวทั้งที ไม่รู้จะเที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี? เที่ยวเมืองไทยจนพรุนแล้ว พอจะไปต่างประเทศก็ต้องมารอยื่นวีซ่าอีก แถมจะยื่นเรื่องทำวีซ่าแต่ละครั้ง ทั้งยุ่งยาก เอกสารก็เยอะ แล้วยังไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านรึเปล่า อุตส่าห์วางแผนเก็บเงิน เพื่อรอหยุดยาวมาตั้งนาน ต้องมานั่งลุ้นเรื่องวีซ่าก่อนเดินทางแบบนี้ พี่ช้างว่าคงหมดสนุกเลยนะครับ จะมีไหมนะ? ประเทศที่คนไทยเข้าได้แบบไม่ต้องยื่นวีซ่า

วันนี้พี่ช้างจะทำให้เพื่อนๆหมดคำถามที่ว่าจะเที่ยวต่างประเทศที่ไหนดีแบบไม่ต้องยื่นวีซ่า แถมคนไทยเข้าได้เลยแบบผ่านฉลุย! จะบอกว่าแค่เก็บเงินให้พอ แล้วไปเที่ยวประเทศ “ฟรีวีซ่า” กันดีกว่าครับ มีให้เลือกตั้ง 32 ประเทศ ไม่ต้องยื่นวีซ่า ไม่ต้องลุ้นว่าวีซ่าจะผ่านไหม แค่มีเงินในกระเป๋า เก็บสัมภาระ มีพาสปอร์ต 1 เล่ม กล้อง 1 ตัว บินได้เลยจ้า

 

ฟรีวีซ่า หมายความว่าอะไร?

ฟรีวีซ่า ในที่นี้ถ้าเรียกง่ายๆก็หมายความว่า เราไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อที่จะเดินทางเข้าออกประเทศนั้นๆครับ ถือแค่พาสปอร์ตแล้วเข้า-ออกประเทศนั้นได้เลย แต่จะมีระยะเวลาอยู่ครับว่าสามารถเข้าไปพำนักอาศัยได้กี่วัน ถ้าเกินกว่านั้นถือว่าผิดกฎหมายอาจจะโดนข้อหาลักลอบเข้าประเทศได้ครับ

 

ต้องใช้พาสปอร์ตแบบไหนเดินทาง จึงจะฟรีวีซ่า?

  1. พาสปอร์ตบุคคลธรรมดา (เล่มสีน้ำตาลหรือแดงเลือดหมู) สามารถเดินทางเข้าออกเขตแดนได้ทั้งหมด 32 ประเทศ แบบไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับหัวข้อวันนี้พี่ช้างจะพูดถึงประเทศฟรีวีซ่าสำหรับพาสปอร์ตชนิดนี้ครับ
  2. พาสปอร์ตราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) สามารถเดินทางเข้าออกเขตแดนได้ทั้งหมด 73 ประเทศ แบบไม่ต้องขอวีซ่า
  3. พาสปอร์ตการทูต (เล่มสีแดงสด) สามารถเดินทางเข้าออกเขตแดนได้ทั้งหมด 78 ประเทศ แบบไม่ต้องขอวีซ่า

 

การเข้าไปยังประเทศที่ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทย ทุกคนที่ไปจะสามารถผ่านได้ง่ายๆเลยหรือไม่?

            คำตอบคือไม่ครับ ข้อนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟรีวีซ่า หรือไม่ฟรีวีซ่าอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทางที่เราจะไปด้วยครับ เพราะพวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นด่านคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ฟรีวีซ่าก็ตามแต่ถึงอย่างไรก็ควรจะเตรียมเอกสารยืนยันตนเป็นฉบับภาษาอังกฤษเผื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจไปด้วยทุกครั้งในการเดินทาง เช่น

  • หนังสือรับรองการทำงาน (Work Permit) สมุดบัญชีที่มีเงินเข้าออกเคลื่อนไหวทุกเดือน
  • เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือผู้เยาว์ พ่อแม่ต้องมีสูติบัตร
  • แต่ในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่ได้เดินทางไปกับพ่อแม่ คนที่พาไปต้องมีสูติบัตรพร้อมกับหนังสือรับรองจากผู้ปกครองของเด็กที่ขอมาจากที่ทำการเขตเป็นฉบับภาษาอังกฤษแนบมาด้วย
  • ลูกที่ออกค่าใช้จ่ายให้พ่อและแม่ หรือพ่อแม่ที่ออกค่าใช้จ่ายให้ลูกตลอดการเดินทางต้องมีหนังสือ Sponsor ถือไปพร้อมสูติบัตรด้วยนะครับ
  • ที่สำคัญคือตั๋วเครื่องบินต้องมีทั้งขาไปและกลับ
  • มีที่พักเป็นหลักแหล่งชัดเจนมีเอกสารหลักฐานการจองชี้แจงได้
  • พร้อมทั้งแผนการเดินทางโดยละเอียดแบบที่ว่าเราใช้เพื่อการเดินทางจริงๆเราศึกษามาชัดเจนและต้องอธิบายตามแผนได้กรณีที่ถูกสอบถามหรือเรียกดูเอกสารอะไรครับ

นี่ล่ะครับเอกสารหลักๆที่จะสามารถทำให้เรารอดพ้นจากการโดนสอบถามหรือเกิดติดด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลักฐานต่างๆอาจใช้ไม่ได้กับผู้มีประวัติอาชญากรรมหรือผู้ที่ดูสุ่มเสี่ยงต่อการลักลอบเข้าประเทศของเค้าครับ อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจจริงๆ ข้อแนะนำง่ายๆขณะผ่านด่านตรวจก็คือ ทำตัวให้ปกติ อย่าลุกลี้ลุกลน อย่าส่งเสียงดังหรือแสดงกิริยาแบบไม่มีมารยาท อย่าแต่งกายแบบเปิดเผยหรือส่ออนาจารเกินไป และทำตามที่เจ้าหน้าที่บอก หรือถามคำถามก็ตอบตามจริง พี่ช้างว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ

 


ประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่าสำหรับพาสปอร์ตบุคคลธรรมดา (ปกน้ำตาลหรือแดงเลือดหมู)

สำหรับในบทความนี้พี่ช้างจะขอกล่าวถึงประเทศที่เปิดฟรีวีซ่าสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตแบบบุคคลธรรมดาก่อนนะครับ ประเทศที่เปิดฟรีวีซ่าสำหรับบุคคลธรรมดาขณะนี้มีทั้งหมด 32 ประเทศ อ้างอิงข้อมูลล่าสุดฉบับ 1 พ.ค.61 จากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ www.consular.go.th

 เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี คนไทยผ่านฉลุย

คำเตือน : สำหรับข้อมูลที่พี่ช้างนำมาฝากในวันนี้เพื่อนๆอาจจะต้องอัปเดตที่เว็ปไซต์ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ www.consular.go.th อีกครั้งเสมอนะครับ เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกิดขึ้นหลังจากที่พี่ช้างได้ลงบทความนี้ไปแล้วครับ

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าเพลิดเพลินจนลืมซื้อประกันการเดินทางล่ะ ยิ่งเป็นประเทศที่เปิดฟรีวีซ่า คนหลายเชื้อชาติมารวมกันมากๆ เรายิ่งไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเดินทางบ้าง ซื้อเอาไว้ อุ่นใจกว่านะครับ สำหรับประกันที่ดีต้องคุ้มครองตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน จนจบทริป พี่ช้างแนะนำประกันการเดินทางจาก Cigna ให้การคุ้มครองครบครันรอบด้านในการเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุต่างๆที่อาจเกิดระหว่างเดินทาง สามารถเคลมกระเป๋าได้ แม้แต่ไฟลท์ดีเลย์หรือยกเลิกก็หายห่วง มีบริการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์และตอบคำถาม 24 ชั่วโมง สำหรับการแจ้งเคลมประกันก็ง่ายนิดเดียวเพียงโทรไปที่ Cigna Hotline Travel หรือสายด่วนฉุกเฉินด้านการแพทย์จากซิกน่า ที่เบอร์ +662- 696-3673 เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง พนักงานปลายสายก็จะช่วยประสานงานกับโรงพยาบาลในกรณีเร่งด่วนให้อย่างรวดเร็วเลยครับ แถมเมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลเรายังไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าอีกด้วย สะดวกมากๆ (ต้องสอบถามโรงพยาบาลในเครือที่ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนเข้ารับการรักษาทุกครั้งที่ Cigna Hotline Travel โทร +662- 696-3673) สามารถอ่านรายละเอียดการเคลมประกันที่สายด่วน Cigna Hotline Travel ได้ที่นี่ >> https://www.cigna.co.th/sites/default/files/pdf/20161018-travel-assistance-service.pdf สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ไม่ซื้อไม่ได้แล้วนะครับ มีประกันเอาไว้จะไปไหน ทำอะไรก็หายห่วงครับ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 1758 และ +662-099-3999 หรือเข้าไปดูรายละเอียดและเลือกซื้อแผนประกันการเดินทางได้บนช่องทางออนไลน์ได้เลยครับ

 

เป็นยังไงบ้างครับคงหมดคำถามแล้วใช่ไหมว่าวันหยุดยาว จะเที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี? สำหรับประเทศที่เปิดฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยผู้ถือพาสปอร์ตบุคคลธรรมดาทั้ง 32 ประเทศนั้น พี่ช้างจะบอกว่าทุกประเทศที่กล่าวมานี้มีทั้งประเทศยอดฮิตของคนไทย อย่าง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม กัมพูชา รวมอยู่ด้วย แต่จริงๆแล้วยังมีประเทศอื่นๆที่พี่ช้างว่าก็น่าเที่ยวไม่แพ้กันเลยนะครับ อย่างประเทศที่เขตแดนติดรัสเซีย หลายคนอาจไม่คุ้นชินหูหรือชินตากับประเทศนี้ซักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ฟังเพลงนี้ทุกคนจะร้องอ๋ออออเลยแหละ ‘เจง เจง เจงกิสข่าน!’ ใช่แล้วครับ ประเทศมองโกเลีย บ้านเกิดเจงกิสข่านนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถ้าได้ไปแล้วจะต้องอึ้งไปเลยเพราะทัศนียภาพสวยมากๆ กิจกรรมการท่องเที่ยวยังแปลกใหม่ มีทั้งนอนกระโจมท่ามกลางภูเขาหิมะติดลบ 30 กว่าองศา เล่นสุนัขลากเลื่อน ทานบาร์บีคิวซี่โครงแกะร้อนๆในกระโจมอุ่นๆ แถมมีขี่ม้าอีก เท่ห์มากๆเลย ถ้าใครเบื่อประเทศแถบนี้แล้วจะลองนั่งรถไฟสายทรานซ์ไซบีเรียจากจีน ไปมองโกเลีย และจบที่รัสเซียก็ถือเป็นเส้นทางที่กำลังจะบูมมากๆในอนาคต รีบไปตามที่พี่ช้างบอกก่อนจะตกเทรนด์นะครับ