อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้กับ Co-Working Space ทั่วโลก
Co-working space เป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Co-working space ที่น่าสนใจ ผุดขึ้นมากมาย รู้ไหมว่า โดยเฉพาะ ชาวกรุงเทพฯ ที่ติดอันดับไลฟ์สไตล์เที่ยวด้วยทำงานไปด้วย ใครชอบชีวิตเที่ยวไปทำงานไป ถูกใจคนทำงานที่ชอบเที่ยวแน่นอน พี่ช้างจะพาไปรู้จัก Co-working space ในต่างประเทศครับ
1. Wired Cafe 360 ฮาราจูกุ, ญี่ปุ่น
ร้านนี้เป็นทั้งคาเฟ่และ Co-working ในตัวครับ อาหารอร่อย บรรยากาศน่านั่ง มี Wifi ให้ใช้สำหรับทำงาน แถมยังสามารถนั่งมองผู้คนในย่านฮาราจูกุที่เดินผ่านไปผ่านมา จากชั้นดาดฟ้าของตึก KDDI Design Studio ที่สามารถเห็นทิวทัศน์ 360 องศาของย่านนี้ได้ ยิ่งถ้าอยู่ตอนกลางคืน ยามค่ำคืนก็สวยมากๆครับ ทำงานไปด้วย ชมวิวเมืองไปด้วย ทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งในโตเกียวที่น่ามานั่งทำงาน แต่ว่าเสียงจะดังหน่อยนะครับ อารมณ์เหมือน Starbucks เนื่องจากเป็นที่พบปะของผู้คนที่อื้ออึงไปด้วยเสียงพูดคุย สำหรับใครที่ชอบนั่งทำงานเงียบๆอาจจะต้องเตรียมหูฟังมาด้วย
Address: 4-32-16 Jingumae, Shibuya, Tokyo 150-0001, Japan
2. The Network Hub, แคนาดา
มาดูฝั่งโซนอเมริกาเหนือกันบ้าง ที่นี่ตั้งอยู่ที่เมือง Whistler เมืองสกีรีสอร์ต เหมาะสำหรับคนชอบความหนาวววววว และหลงใหลในสกี ที่นี่ได้รับการกล่าวขานว่า มีบรรยากาศและความสวยงามของหิมะและมีพิ้นที่ในการเล่นสกี ที่นี่ค่าใช้บริการจะเริ่มต้นค่อยข้างแพง แต่ก็คุ้มค่ากับบรรยากาศ มีบริการพิมพ์งาน สแกนเอกสาร แถมยังมีInternet ความเร็วสูง
วัน-เวลาเปิดทำการ :
วันจันทร์ – วันศุกร์: 9AM to 5PM
วันเสาร์ & วันอาทิตย์: ปิด
Address: 4309 Village Stroll #201 Whistler, BC, Canada
3. Hubud co-working space, บาหลี
เมื่อนึกถึงบาหลี ภาพแรกๆที่คนนึกถึงมักจะเป็นการตากอากาศ สปา รีสอร์ท ใช่ไหมครับ นึกไม่ถึงว่าจะมี Co-working Space ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งที่นี่เขามี Concept ด้วยนะครับ โดยการนำเอาความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับเทคโนโลยีมาผสานเข้าด้วยกัน เจ๋งสุดๆครับ เพราะที่นี่ติดสถานที่น่านั่งมากที่สุดในโลก ใครที่ไปเที่ยวแล้ว หัวหน้าเกิดสั่งงานขึ้นมากระทันหัน และอยากทำงานท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่เหมาะมาก เปลี่ยนบรรยากาศ จากห้องกระจกติดแอร์ มาทำงานบนโต๊ะไม้ ในห้องผนังไม้ไผ่ ทอดสายตาออกไปมองทุ่งนาข้าว สบายตา ได้ความสงบ จะได้คิดงานผ่านฉลุยครับ
ดังนั้นใครสายธรรมชาติ แวะมาทีนี่เลยครับ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่ม organic จาก livingfoodlab ที่มีทั้งอาหารมังสวิรัติ และ น้ำผักผลไม้สดที่ปลูกในพื้นที่ คอยให้บริการอีกด้วย
Address: Hubud, Monkey Forest Road 88x , Ubud, Gianyar, Bali 80571, Indonesia
4.Dojo co-working space, บาหลี
ทุ่งนาไปแล้ว มาดูฝั่งทะเลกันบ้าง สำหรับใครที่ชอบทะเล ยังอยู่กันต่อในบาหลี Dojo อยู่ห่างจากชายหาดไปเพียง 100 เมตรเราก็เห็นภาพตัวเองนอนทำงานอยู่ริมทะเลแล้ว แถมที่นี่ยังมีสระว่ายน้ำให้ด้วย จะเริ่มต้นวันทำงานด้วยการลงไปแช่น้ำให้ชื่นใจก่อนก็ได้ ฟินเป็นไหนๆ ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีที่ปริ้นงานอีกด้วยน้า
Address: No. 88 Jalan Batu Mejan Canggu, Echo Beach, Kuta Utara, Kabupaten Badung Bali, Indonesia
5. Sun Desk, โมร็อคโค
ใครที่กำลังฝันถึงสถาปัตยกรรมและดินแดนทะเลทราย ต้องไปโมร็อกโค ถ้ามีโอกาสไปนั่งที่ทำงานที่นั่น จะมีร้านที่โด่งดังอยู่ร้านหนึ่งครับ มีชื่อว่า Sun Desk อยู่ในเมืองพักผ่อนริมทะเลสุดชิลล์อย่าง Taghazout ที่นี่เป็นสวรรค์ของหนุ่มสาวนักเซิร์ฟ โดยราคาใน 1 วันจะเริ่มต้นประมาณ 10 USD มีไวไฟ 10 Mbps ให้ และยังมีวิวทะเลสีน้ำเงินสดเป็นของแถมด้วยนะครับ พี่ช้างบอกเลยว่าสวยสุดๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีแพ็คเกจโต๊ะทำงานพร้อมที่พักอีกด้วยครับ เผื่อใครยังไม่มีโรงแรมที่พักก็สามารถถือโอกาสมาพักที่นี่ พร้อมใช้สถานที่ทำงานไปด้วยเลย จ่ายแบบแพกเกจคุ้มกว่ากันเยอะ
Address: Rue Tasga Oudrar 31 Taghazout 80022 Agadir, Morocco
6.Surf Office, ยุโรป
ถ้าใครได้ไปยุโรป ต้องมีเชงเก้นวีซ่าอย่างแน่นอน พี่ช้างขอแนะนำเครือข่าย co-working space ชื่อว่า Surf Office ครับ ที่นี่จะกระจายอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นบาร์เซโลน่า ลิสบอน มาเดรา หรือแกรนคานาเรียเลย โดยมีทั้ง hot desk ให้บริการเป็นรายวัน และแพ็คเกจรายเดือน หรือถ้าอยากยกพวกไปใช้บริการรายเดือนพร้อมให้เขาเตรียมที่พักให้พร้อมสรรพ ก็มีแพ็คเกจใหญ่เป็น company retreat รองรับเหมือนกัน ใครที่อยากได้ความคุ้มค่า เวลาไปเที่ยวหลายๆเมือง ซื้อแพกเกจไว้ ดีสุดครับ
เป็นไงบ้างครับ แต่ละประเทศก็มีความคูลที่แตกต่างกัน สำหรับใครที่เดินทางไปเที่ยวพักผ่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการที่หาแรงบันดาลใจ สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆในการทำงาน ไปทำงานสถานที่ใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ ดีไปอีกแบบนะครับ