แช่ออนเซ็นผิดวิธีอันตรายถึงชีวิต! เปิดโปงวิธีการที่ถูกต้องเพื่อผิวเด้งสวย

แช่ออนเซ็นผิดวิธีอันตรายถึงชีวิต! เปิดโปงวิธีการที่ถูกต้องเพื่อผิวเด้งสวย

ผลิตภัณฑ์มากมายบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่ม สเปรย์ฉีดผิว และเครื่องสำอาง ถ้ามีการเคลมว่าผสมน้ำแร่ลงไปเมื่อไหร่จะสังเกตได้เลยว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปเท่าตัวทันที เพราะ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่อยู่ในน้ำแร่ล้วนมีสรรพคุณที่ดีงามต่อผิว และสุขภาพทั้งสิ้น โดยเฉพาะถ้าได้แช่บ่อน้ำแร่ หรือออนเซ็นจากแหล่งต้นกำเนิดแท้ๆ อ้าแขนรับวิตามินเข้าผิวแบบเต็มที่ แต่รู้ไหม? การแช่ออนเซ็นแบบผิดวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน ดังนั้นวันนี้พี่ช้างอยากให้เพื่อนๆได้เรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องจริงๆ เพื่อสุขภาพผิว สุขภาพร่างกาย และสุขอนามัยที่ดีครับ

คุณสมบัติของน้ำแร่แต่ละชนิด

1. Simple Hot Spring น้ำแร่ชนิดนี้ไม่ค่อยมีแร่ธาตุเท่าไหร่ แต่ยังมีความร้อนอยู่ครับ

2. Chloride Springs น้ำแร่ประเภทนี้มีเยอะมากในญี่ปุ่น ส่วนผสมของเกลือช่วยเรื่องความสะอาดของผิวพรรณ

3. Carbonated Springs ช่วยเรื่องความเรียบเนียน และผิวพรรณผุดผ่อง

4. Sulfuric Acid Springs ช่วยเรื่องเยียวยาบาดแผล และความดันในเลือด

5. Iron Springs ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด น้ำพุร้อนชนิดนี้ก่อนจะไหลออกมาจากใต้ดินจะมีสีที่ใสสะอาด แต่เมื่อธาตุเหล็กในน้ำทำปฏิกิริยากับออกซิเจนก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลอมส้มอย่างที่เห็นกันครับ

6. Sulfuric Springs น้ำพุร้อนชนิดนี้เหมาะกับการเยียวยาโรคผิวหนังต่างๆครับ แต่ก็ยังไม่เหมาะกับแผลพุพอง เป็นหนอง หรืออักเสบอยู่

7. Acidic Springs น้ำพุร้อนชนิดนี้ดีงาม สายกลาก เกลื้อนจงลากตัวลงน้ำไป เพราะ น้ำแร่ชนิดนี้ช่วยสร้างเกราะป้องกันให้ผิวทนทานต่อเชื้อราต่างๆได้

8. Carbon dioxide Spings ช่วยในการขยายเส้นเลือดฝอย และลดความดันในเลือด อีกทั้งน้ำแร่ชนิดนี้เมื่อแช่แล้วจะมีฟองรอบอยู่ตามลำตัว และให้ความอุ่นแก่ผิวแม้ว่าอุณหภูมิของน้ำจะต่ำก็ตาม

 

ใครที่ไม่ควรแช่ออนเซ็น?

1. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง การแช่น้ำร้อนส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัว และความดันสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น อาจทำให้เกิดอันตรายได้ครับ

2. ผู้ป่วยโรคหัวใจ การแช่น้ำร้อนทำให้เส้นเลือดขยายตัว และการเกิดอาการหัวใจเต้นแรง หากแช่เป็นเวลานานอาจเกิดการเหนื่อย เพลีย อาจเกิดอาการช็อคได้ครับ

3. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน การเกิดบาดแผลจากรอยบาด หรือแผลพุพองไม่เป็นผลดีกับผู้ป่วยโรคนี้ครับ ควรระวัง

4. ผู้ป่วยโรคผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังทั้งแบบติดต่อ และไม่ติดต่อก็ไม่ควรแช่ออนเซ็นครับ

5. ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ เส้นเลือดที่ขยายตัวมากขึ้น บวกกับมดลูกมีการขยายตัวอาจส่งผลต่อเด็กในท้องได้ครับ

6. ผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ควรลงแช่น้ำอย่างยิ่งครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นคดีฆาตกรรมในบ่อน้ำแร่ปิดตาย

7. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อที่อาจติดต่อได้จากสารคัดหลั่งต่างๆในร่างกาย เช่น เหงื่อ น้ำลาย น้ำมูก เป็นต้น

 

วิธีการแช่น้ำแร่ที่ถูกต้อง

1. เริ่มจากการทำความสะอาดเท้า และเล็บเท้าก่อน ส่วนนี้เป็นส่วนที่หลายๆคนละเลยมากครับซึ่งไม่เป็นผลดีเลย การแช่น้ำแร่ทั้งส่วนที่เป็นอ่างรวม และไม่ใช่อ่างรวมเราก็ควรที่จะทำความสะอาดส่วนที่สกปรกที่สุดให้เรียบร้อยครับ ใช้แปรงหินขัดขี้ไคลและแปรงขนขัดตามเล็บนิ้วเท้า และถูสบู่ตามซอกนิ้วเท้าให้สะอาดจนไม่มีรอยดำ

 

2. ทำความสะอาดชำระล้างร่างกาย ส่วนนี้ก็สำคัญมากๆเพราะร่างกายจะเป็นส่วนที่แช่ลงไปในน้ำ ดังนั้นทุกส่วนควรสะอาดหมดจด ถูสบู่ที่ไม่ผสมน้ำมันหรือครีมบำรุง หรือเลือกสบู่ที่ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวมากเกินไปครับ และห้ามทาครีมบำรุงผิวก่อนลงแช่ เพราะจะทำให้น้ำไม่สะอาด และในขั้นตอนนี้แนะนำว่าให้ใช้น้ำที่ค่อนข้างอุ่นประมาณ 28 องศาขึ้นไปครับ

3. ถ้าเป็นผู้หญิงควรรวบผมขึ้นให้เรียบร้อยไม่ควรให้ผมสัมผัสโดนน้ำ หรือสยายลงในบ่อน้ำร้อน เพราะ นอกจากผมจะแห้งเสียแล้ว หากแช่บ่อรวมยังเป็นการเสียมารยาทอีกด้วยครับ

 

4. ห้ามจุ่มผ้าลงในบ่อน้ำแร่เด็ดขาด! การแช่ออนเซ็นนิยมนำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเข้ามาด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามจุ่มลงน้ำ ให้ชุบน้ำเย็นจัดแปะไว้บนศรีษะ หรือพันไว้เพื่อให้ร่างกายสดชื่นไม่ร้อนเกินไปเท่านั้นครับ

 

5. ไม่ควรแช่ออนเซ็นทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จ ควรปล่อยให้เกิน 1 ชั่วโมงก่อนค่อยลงแช่ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทั้งก่อนและขณะลงแช่

 

6. ทริคสำคัญ** ก่อนลงบ่อน้ำแร่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าร่างกายและใกล้เคียงกับน้ำที่เราจะลงแช่มาราดที่ตัว ให้จำไว้ว่าราดจากปลายมาหาต้น เช่น ปลายนิ้วมือมายังหัวไหล่ หน้าขามาที่เอว และต่อมาคือราดลงบนศรีษะให้เราปรับร่างกายเข้ากับสภาพน้ำทำให้ไม่วิงเวียนศรีษะขณะแช่น้ำครับ

 

7. ก่อนแช่ตัวในบ่อแช่น้ำแร่ควรลงไปยืนในน้ำแค่ครึ่งตัว พร้อมวักน้ำเบาๆลูบขึ้นมาที่ตัวก่อนให้ร่างกายได้ปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับน้ำ จากนั้นเมื่อปรับสภาพได้แล้ว รู้สึกว่าแสบร้อนผิวน้อยลงจึงค่อยๆหย่อนตัวลงช้าๆ ไม่ควรลุกนั่งเร็วๆ

 

8. ผู้ที่แช่น้ำครั้งแรกแนะนำว่าแช่ไม่ควรเกิน 15 นาที และผู้ที่เคยชินแล้วก็ไม่ควรแช่เกิน 30 นาทีครับ หรือเมื่อไหร่ที่มีเหงื่อออกมามาก ใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น หรือร่างกายอ่อนเพลียควรออกจากบ่อทันทีครับ และไม่ควรแช่เกินวันละ 3 ครั้ง

 

9. เมื่อแช่เสร็จแล้วควรเช็ดตัวให้แห้งไม่ควรอาบน้ำหลังแช่เสร็จเพื่อให้วิตามินยังคงค้างอยู่ที่ผิวและบำรุงอย่างเต็มที่ และควรทาครีมบำรุงผิวหลังจากแช่น้ำแร่ด้วยเพื่อป้องกันผิวแห้ง การทาครีมบำรุงผิวทั้งที่หน้าและที่ตัวหลังจากแช่น้ำแร่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากเนื่องจากรูขุมขนที่เปิดหลังจากเจอความร้อนทำให้รับครีมบำรุงเข้าปลอบประโลมผิวได้อย่างดีเยี่ยม

 

10. หาของหวาน เกลือแร่ วิตามิน หรือน้ำดื่มทานซักนิดหลังจากแช่เสร็จ เพราะ การแช่ออนเซ็นเป็นการเปิดรูขุมขนทำให้เสียเหงื่อ และมีอาการใจเต้นแรง เหนื่อยเหมือนการเล่นกีฬา ดังนั้น ควรเติมเกลือแร่และน้ำที่เราได้สูญเสียไปในระหว่างแช่น้ำครับ

ข้อควรระวัง

  • บ่อน้ำร้อนสาธารณะส่วนใหญ่อาจมีการห้ามมิให้ผู้ที่มีรอยสักเข้าแช่ในบ่อน้ำแร่รวมครับ
  • ไม่ควรนำของส่วนตัวลงไปด้วยในบ่อน้ำแร่รวม นำไปได้แค่ผ้าขนหนู 1 ผืนเท่านั้น
  • ไม่ควรจ้องหน้า หรือมองผู้ที่อยู่ในบ่อรวมด้วยกันนานๆเพราะเป็นการเสียมารยาทครับ
  • ห้ามซักผ้าในส่วนห้องอาบน้ำ
  • หากยังไม่ได้ล้างตัวหรือชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย ห้ามสัมผัสโดนน้ำในบ่อรวมเด็ดขาด
  • ไม่ควรสวมชุดชั้นใน หรือชุดว่ายน้ำใดๆลงแช่ในบ่อรวม

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นกฎกติกาง่ายๆ และข้อควรระวังสำหรับคนที่ไม่ควรแช่บ่อน้ำแร่ครับ เพราะ การฝืนลงแช่ทั้งที่รู้ว่ามีโรคประจำตัวร้ายแรงที่ไม่เหมาะกับการแช่ออนเซ็นไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ง่ายๆอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ บ่อยครั้งที่มีคนเกิดอาการหัวใจวาย ช็อค หรือเกิดอาการเลือดสุกจนเสียชีวิต ดังนั้น กฎกติกาดังกล่าวควรทำตามอย่างเคร่งครัดเลยนะครับ ด้วยความเป็นห่วงจากพี่ช้างตัวน้อยๆ