7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ สุดยอดมรดกโลกที่ควรไปสัมผัสสักครั้ง

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่: สุดยอดมรดกโลกที่ควรไปสัมผัสสักครั้ง

“มหัศจรรย์” หมายถึงความแปลกประหลาด น่าตื่นตา หากใครอยากค้นหาและรู้จักนิยามของคำว่ามหัศจรรย์มากยิ่งขึ้น สิ่งที่พอที่จะคำตอบนั้นได้ก็คือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ที่เป็นที่สุดของความมหัศจรรย์ทั่วโลก 7 สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้นั้นมีการแบ่งไว้หลายประเภทหลายแบบ โดยในวันนี้จะนำเสนอ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

ก่อนอื่นเรามารู้จักความเป็นมาคร่าวๆ ของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่กันก่อนว่าเป็นมาอย่างไร โดย 7 สิ่งมหัศจรรย์นั้น จัดขึ้นโดยมูลนิธิ New7Wonders เป็นการริเริ่มตั้งแต่ปี 2543 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรอบสหัสวรรษในการเลือกสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจากการคัดเลือกอนุสรณ์สถานที่มีอยู่ 200 แห่ง จาก 200 กว่าสถานที่จนเหลือ 7 สถานที่สุดมหัศจรรย์นั้นแปลว่าต้องคัดแล้วคัดอีกเลย จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย

1. ชีเชนอิตซา

7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งแรกคือ นครโบราณที่ตั้งตระหง่านเหนือกาลเวลาและฟ้าดินเป็นอีกส่วนหนึ่งในอารยธรรมเมโสโปเตเมียอันเก่าแก่

“เชนอิตซา” ตามภาษามายาแปลว่าต้นทางแห่งความสุขสบายของประชาชน อนุสรณ์สำหรับเทพเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวมายาที่มีความเชื่อเรื่องเทพเจ้า

ตั้งอยู่ในคาบสมุทรยูกาตัง รัฐยูกาตัง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก ชีเชนอิตซาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจำนวนมากมายซึ่งพวกมายาได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้ทรงกระหายพระโลหิต

สิ่งที่โดดเด่นสำหรับที่นี่คือ วิหารแห่งกูกัลคัน หรือ เอลกาสตีโย (El Castillo) เป็นพีระมิดขั้นบันไดยักษ์ โดยพีระมิดแห่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลมของชาวมายันในด้านดาราศาสตร์ เพราะบันไดทางขึ้นของที่นี่ มี 365 ขั้นพอดี ซึ่งสื่อถึงจำนวนวันในรอบ 1 ปี ใช้สำหรับบวงสรวง เทพเจ้าคูคุลคาน ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีบูชายัญเทพเจ้า


2. กริชตูเรเดงโตร์

รูปปั้นพระเยชูคริสต์บนยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า ทั้งงดงาม มีคุณค่า และสร้างยากจนนึกภาพการก่อสร้างไม่ออกเลยทีเดียว ไม่แปลกใจว่าสิ่งนี้ก็เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ด้วย

เป็นรูปปั้นพระเยซูคริสต์ตั้งอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาดู ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร ได้รับการออกแบบโดยเอโตร์ ดา ซิลวา กอชตา ชาวบราซิล และสร้างโดยปอล ลันดอฟสกี ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี

สิ่งมหัศจรรย์นี้นับเป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ได้ ด้วยความยิ่งใหญ่และงดงาม นอกจากชายหาดแล้ว กริชตูเรเดงโตร์นี่แหละก็เป็นแลนด์มาร์คของ  รัฐริโอเดอจาเนโร  แห่งบราซิล


3. กำแพงเมืองจีน

เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่หลายคนรู้จักกันดีเพราะอยู่ไม่ไกลมากจากประเทศเรา นอกชื่อเสียงที่ดังไกลกระฉ่อนโลก ความยาวของกำแพงเมืองจีนนี้ก็ยาวไม่แพ้ชื่อเสียงของมันเลย

กำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัย ราชวงศ์ฉิน ความแข็งแกร่งและยาวสุดลูกตานี้สร้างเพื่อป้องกันการรุกรานจากตอนเหนือ แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ

นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ ด้วยความยาว 21,196.18 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ

กำแพงเมืองจีนด่านจวียงกวนนั้นเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเพราะว่าอยู่ใกล้กับ ปักกิ่ง มีลักษณะที่พิเศษคือ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินขึ้นไปชมกำแพงเมืองจีนจากทางทิศเหนือหรือทิศใต้ก็ได้ จากนั้นเลือกเดินกลับไปยังอีกทาง ที่จะพามาบรรจบกับจุดเดิมได้โดยที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา


4. มาชูปิกชู

ซากอารยธรรมโบราณตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู  บนความสูงอยู่ที่ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล และเป็นศูนย์กลางความสำคัญทางโบราณคดีของอเมริกาใต้ ที่สำคัญคนไทยไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

เรียกอีกชื่อได้ว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา ที่ได้รับฉายานี้เพราะว่าอารยธรรมแห่งนี้คาดว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 15 แต่ได้ถูกหลงลืมไปในช่วงศตวรรษที่ 16 จนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งในปี ค.ศ. 1911

ด้วยความชาญฉลาดในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งของเมือง รวมไปถึงการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และเอื้อต่อการดำรงชีพของชาวอินคา ด้วยความมหัศจรรย์ทั้งสถานที่และวัฒนธรรม จึงทำให้ที่นี่ได้รับยกย่องว่าเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก


5. เปตรา

นครหินโบราณแห่งประเทศจอร์แดนที่เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้านี้นั้น ด้วยความเจ๋งของที่นี้นั้น ตอนได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลกได้มีคำอธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ”

มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูกมีลวดลายสวยงามและอลังการ วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์ กรีก นาบาเทียน ถือว่าเป็นการผสมผสานมากๆ

นอกจากวิหารแล้วก็จะมีสิ่งที่สวยงามแปลกตาเรียงรายมาให้เราชมกันอย่างไม่ขาดสาย ทั้งเมืองทั้งเมืองที่แกะสลักบนภูเขา สุสานกษัตริย์ โรงละคร


6. โคลอสเซียม

หากใครเลยดูหนังเกี่ยวกับอารยธรรมโรมันก็คงต้องผ่านตากับสนามต่อสู้กลางแจ้งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้  เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียน แห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 10 ปี

ภายในมีส่วนต่างๆ มากมายทั้งที่นั่งชมที่สามารถรองรับผู้คนได้ประมาณ 50,000 คน ห้องสำหรับขังนักโทษ ทาส และสัตว์ สำหรับการต่อสู้นั้นๆ อีกสิ่งที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี้ก็เห็นจะเป็นสนามรูปวงรี

แม้ว่าในอดีตนั้น โคลอสเซียมแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสังเวียนเลือดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ยุคสมัยเปลี่ยนที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เปลี่ยนมาเป็นโบสถ์และได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก


7. ทัชมาฮาล

7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งสุดท้ายอยู่ที่ดินแดนภารตะใกล้ๆ นี้เอง สุสานหินอ่อนทัชมาฮาลสีขาวสะอาดแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

เหตุที่เกี่ยวข้องกับความรักนั้นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์ความรักความอาลัยของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ต่อพระมเหสีของเขา โดยยังคงอยู่ให้ผู้คนชื่นชมถึงทุกวันนี้นับว่าเป็นความรักที่อยู่เหนือกาลเวลาจริงๆ

นอกจากความงดงามยิ่งใหญ่และประวัติความเป็นมาแล้ว ทัชมาฮาลก็มีอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ ความสมมาตร สมมุติว่าทุกส่วนของที่แห่งนี้เป็นกระดาษหากพับเข้าหากันแล้วมันจะพอดีแน่นอน

 

เป็นไงบ้างครับสำหรับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ธรรมดาสักที่เลยใช่ไหมไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหรือรูปร่างหน้าตาของแต่ละที่ ก็ล้วนดูมหัศจรรย์จริงๆ หากใครได้ไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตคงมีเรื่องราวไว้เล่าให้ลูกหลานให้หลานฟังได้ไม่มีวันจบกันเลยทีเดียว