Okinawa Trip เที่ยวจัดหนัก จัดเต็ม ตะลุยทั่วเกาะใน 5 วัน 4 คืน ลอกแพลนได้ไม่มีกั๊ก

โอกินาว่า เกาะสวรรค์ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นดีๆสำหรับหลายๆคนที่อยากมา แต่งบน้อย บินเบาๆไปกับสายการบิน Peach Air ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 30 นาที ไปกลับไม่เกิน 5000 บาทคือดี ส่องรีวิวเต็มได้ตามนี้ ที่นี่ เลย

เราบินมาถึงเกาะโอกินาว่าตอน 8 โมงเช้าแล้ว ผ่านตม. รับกระเป๋าเรียบร้อย ไปต่อกันที่รถเช่ากันครับ ใครจองเจ้าไหนก็มีเคาเตอร์ไว้ให้บริการ ก็ต่อรถบัสของบริษัทรถเช่าเพื่อเข้าเมืองไปรับรถได้เลย

สำหรับใครที่ต้องการแผนการเดินทางสามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนด้านล่าง

เราจะทำการส่งแผนการเดินทางทุกๆ จันทร์ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนลงทะเบียน

 

 

วันที่ 1

ยื่นเอกสาร รับรถเรียบร้อย ได้เวลาลุยกันแล้ว มาถึงเช้าๆกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แพลนวันนี้เราจะขึ้นทางตอนเหนือแวะตลาดปลา Toya Fish Port ขับเรียบทะเลไปเที่ยวอควาเรียม ในส่วนของวันนี้ ถ้าสามารถหาที่พักทางเหนือได้ พี่ช้างแนะนำให้หาในเมือง NAGO หรือ ONNA เพื่อที่จะได้ไม่ต้องขับวนกลับไปในตัวเมือง NAHA เสียค่าทางด่วนหลายรอบ

ที่แรกที่พี่ช้างจะพาไป Outlet Mall Ashibinaa ร้าน Karakara Okinawa เป็นเราอาหารบุฟเฟ่ต์ มีหลากหลายเมนู ทั้งข้าว เส้น เทมปุระ สลัด ให้เลือกกว่า 65 อย่าง พร้อมน้ำดื่มและขนมหวาน  ราคาเพียงคนละ 1463 เยน ตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00-17.00 ช่วงเวลาหลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นบุฟเฟ่ต์ซูชิ หรือถ้าใครยังไหว ยังไม่หิวมาก จะดิ่งข้ามไป Toya Fish Port เลยกัยปลาดิบสดๆเลยก็ย่อมได้

ภายในร้านตกแต่งด้วยไม้ ประดับบาร์ปลูกพักในร่ม โซนถูกจัดเป็นโซนๆให้ได้เลือกนั่ง

ในส่วนของบาร์อาหาร ถูกแบ่งออกเป็นซุ้มสลัด อาหารจานร้อน ของทานเล่น ขนมหวาน เครื่องดื่ม

 

อิ่มท้องแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อขึ้นทางตอนเหนือของเกาะโอกินาว่า แต่ก่อนที่เราจะขึ้นเหนือสุด พี่ช้างพาทุกคนมาแวะกับที่ Toya Fish Port ถ้าใครมาถึงที่นี่ก่อน 9 โมง ก็จะเห็นเรือประมงลากปลา หอย และสาระพัดอาหารทะเลสดๆขึ้นมา แล้วก็คัดบางส่วนเข้าร้านอาหารตรงนั้นเลย เรียกว่าสดจากทะเลเลยจริงๆ

เข้ามาด้านในกำลังแล่ปลา จัดหอยเม่นกันอยู่เลย ในส่วนของราคา อูนิ (ไข่หอยเม่น) ราคาถ้วยละ 300 เยนเอง หรือถ้ามากันหลายคน ซื้อเป็นกล่องจะคุ้มมาก แค่ 1200 เยนเอง ปกติถ้ากินที่ไทยจะรู้สึกไม่ค่อยภิรมณ์เท่าไร เพราะอูนิจะเละ มีเมือก ไม่เป็นชิ้นๆ แต่มาที่นี่สดมาก พึ่งเอาขึ้นจากทะเลมาแกะให้ทานกันเลย

ในส่วนของเนื้อปลา ที่นี่จะหนักไปทางปลาทูน่า นอกจากนี้ยังมีหอยเซลล์เนื้อแน่น ปลาหมึก และอีกหลากหลายเมนูปลาให้ได้ฟินกัน ราคาถาดละ 200-500 เยน

ที่หน้าเคาเตอร์จ่ายเงินจะมีอาหารประเภทปุงสุกแล้วขายด้วย เลือกเสร็จเรียบร้อยก็จ่ายเงินแล้วขึ้นไปต่อกันที่ชั้น 2 จะมีร้านอาหารอยู่ด้วย

ในส่วนของเมนู เราเลือกจากภาพ จำตัวเลขไว้แล้วไปเลือกกดบัตรที่ตู้ เสร็จแล้วก็ยื่นบัตรให้พนักงานได้เลย

หลังจากยื่นให้เรียบร้อยก็รอประมาณ 5-10 นาที ก็ได้มาแล้ว อลังการเต็มโต๊ะกันเลยทีเดียว

ทานกันอิ่มเรียบร้อย ได้เวลาไปไฮไลท์ของโอกินาว่ากันแล้ว นั้นคือ Okinawa Churaumi Aquarium นั้นเอง ที่นี่ถูกจัดให็เป็น 1 ใน 5 อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ราคาค่าเข้าคนละ 1,850 เยน หรือสามารถซือราคาพิเศษได้ที่บริษัทรถเช่า ส่วนใครที่ไม่ได้เช่ารถ สามารถนั่งรถบัส Yanbaru Express bus จากสนามบิน Naha Airport มายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่ารถ 2,000 เยน มีให้บริการ 6 รอบ/วัน

เข้ามาด้านในอาคารชั้น 3 ซื้อบัตร ก็จะน่ารักหน่อยๆ

เรามาดูแผนผังของอควาเรียมนี้กันเลย

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูระอุมิโอกินาวา เปรียบเสมือนบ้านของสัตว์น้ำ 740 สายพันธุ์ กว่า 21,000 ชีวิต ภายใต้แนวคิด “พบกันกับน่านน้ำแห่งโอกินาวา” เมื่อเข้ามาจะพับกับบ่อปลาดาว ซึ่งเราสามารถสัมผัสตัวมันได้ โซนนี้เด็กๆจะกรี๊ดกร๊าดมาก เพราะพี่ปลาดาวของเราตัวนิ่มหยุ่นๆ เป้นที่ตื่นเต้นของเด็กๆ

เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเริ่มจากตู้สัตว์ย้ำบริเวณน้ำตื้น  ไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึก เสมือนกับเราค่อยๆดำน้ำลงไปนั้นเอง แต่ละตู้จะถูกจัดไว้ให้เหมือนกับแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาตามธรรมชาติ

ห้องไฮไลท์ของที่นี่คือ แท็งก์น้ำคุโรชิโอะ (Kuroshio Tank) ที่ ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในแท็งก์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก สิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดแสดงอยู่ภายในแท็งก์นี้ก็คือสัตว์ในทะเลแถบโอกินาว่าที่หลากหลาย ซึ่งมีฉลามวาฬยักษ์ที่มีขนาดถึง 8.5 เมตร และกระเบนราหูซึ่งเป็นพระเอกของแท็งก์และอควาเรียมแห่งนี้แแหวกว่ายไปมาอย่างสบายอกสบายใจ

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นศูนย์วิจัยปลาฉลามที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ เจ้าปลาฉลามใหญ่ยักษ์อย่างละเอียดยิบ ซึ่งจัดแสดงอยู่ในโซนถัดมา

ปิดท้ายด้วยโซนของฝากของที่ระลึกน่ารักๆ มากมาย ให้ได้เลือกซื้อกัน รวมถึง Aqua Lab  ซึ่งเก็บโครงกระดูก ตัวอย่างปลานักษ์ และสัตว์น้ำหายากชนิดต่างๆไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส

ด้านนอกอาคารก็จะมีการแสดงเต่าทะเลกับพะยูน

โชว์ความสามารถของโลมาแสนรู้ ที่สระน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ โดยจะจัดการแสดงเป็นรอบใครอยากดูก็ต้องลองตรวจสอบรอบการแสดงจากทางเว็บไซต์ดูก่อนได้ https://churaumi.okinawa/en/userfiles/files/program/en/program_table.pdf

ชมการแสดงเสร็จก็ยังสามารถเดินลงริมหาดไปถ่ายรูปสวยๆได้อีกด้วย

เดินกันมาจนเหนื่อย ต้องเติมพลังหน่อย ก่อนเน้ขาที่พัก ออกจากอควาเรียม 5  นาที แวะทานมื้อเย็นที่ร้าน SteakHouse 88 ร้านนี้มีสาขาหลายที่บนเกาะโอกินาวา เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแนะนำที่ใครมาก็ต้องแวะทาน

ด้านในตกแต่งเสมือนอยู่บ้าน เมนูก็จะมีทั้งแบบจานเดียว และแบบเป็นเซต

สำหรับใครที่สั่งเป็นเซต สามารถเดินไปตัดสลัด ซุป และข้าวได้ไม่อั้น

ในส่วนของเครื่องดื่มซอฟท์ดริงท์ และขนมหวาน สามารถสั่งเพิ่มเติมได้

มาดูหน้าตาของกินอันโอชะของเรามื้อนี้กันดีกว่า สเต๊กทุกจานจะถูกเสริฟ์ด้วยกระทะร้อน แต่ละจานมาชิ้นโตมาพี่ช้างเองยังตะลึง

จบวันไปแบบฟินๆ เหมือนจะหนักไปทางกิน แต่บอกเลยนี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เดินทางกลับเข้าที่พัก พักผ่อนเตรียมแรงไว้ลุยสำหรับวันถัดไป

________________________________________________

วันที่ 2

วันที่สองเรายังอยู่ที่ตอนเหนือของเกาะโอกินาวา ถ้าใครพักทางตอนเหนือก็สบายไป ตื่นสายหน่อยได้ แต่ถ้าใครพักที่พักในตัวเมืองนาฮะละก้ ต้องออกเข้าหน่อยนะ เที่ยวประหนึ่งเห็น RC กันเลยทีเดียว

ทานอาหารเช้าจากที่พักมาให้แน่น เพราะเราจะลุยๆหน่อยวันนี้ ที่แรก พี่ช้างพา Nakijin Castle Remains ที่นี่ถ้ามาช่วงต้นปี จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องมา เพราะเป็นจุดชมซากุระที่สวยและมีเยอะมาก!! ที่นี่ยิ่งมาเช้ายิ่งดี เพราะจะได้มีเวลาเดินถ่ายรูปเต็มๆถ้ามาในช่วงซากรุะ เสียค่าเข้าคนละ 400 เยน

ทางเดินขึ้นปราสาท ช่วงพีทซากรุะประมาณต้นกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนจะสวยมาก เหมาะกับเดือนแห่งความรักสุดๆ ซากุระของโอกินาว่า จะเริ่มบานตั้งแต่ ปลายๆเดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

ดอกซากุระที่โอกินาว่า จะสีเข้มกว่าเมืองๆอื่นๆอาจจะด้วยเพราะภูมิอากาศ และสายพันธุ์ของซากุระที่นี่ ดูไปๆมาๆก็จะคล้าดอกพญาเสือโคร่งบ้านเรานี่เอง

ในฤดูอื่นๆก็จะเป้นต้มไม้เขียวชอุ่มทั้งเขา

จาก Nakijin Castle Remains เราขับไล่ลงมาต่อกันที่ Busena Marine Park ซึ่งเป็นประภาคารใต้น้ำที่เราสามารถเดินลงไปดูปลาน้อยใหญ่ที่อยู่ในธรรมชาติจริงๆได้ แบบพาโนรามา เหมือนปราสาทใต้ทะเล เปิดหน้าต่างมาเจอปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่รอบๆ หรือจะเลือกลงไปดำน้ำจริงๆก็ได้ในช่วงหน้าร้อน แต่ถ้าใครว่ายน้ำไม่เเป็นก็ยังมีเรือปลาวาฬท้องกระจกที่จะพาเราออกเดินทางไปชมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อีกด้วย

 

จากสวนน้ำบูเซน่ามารีนพาร์ค (Busena Marine Park) แวะซื้อของกินร้าน Family หรือ Lawsonข้างทาง เพื่อที่จะได้เที่ยวต่อได้แบบไม่เสียเวลา และมากินของหวานนั่งพักชิวๆที่ Okashi gotten ONNA

ที่นี่เป็นร้านของฝากซื่อดังที่มีอยู่ทั่วเกาะโอกินาวา ด้วยขนมจากวัสดุดิบที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมันม่วงของที่นี่อร่อยมาก

ที่นี่ยังมีห้องผลิตทาร์กมันม่วงให้เราได้เยี่ยมชมอีกด้วย

ชั้น 2 ของที่นี่ยังมีร้านคาเฟ่อีกด้วย และแน่นอนว่าเมนูหลักๆก็ต้องเป็นมันม่วง

เราสามารถเลือกขนมที่ตู้และมานั่งรอที่โต๊ะได้เลย หรือจะส่องๆแล้วมาสั่งเป็นเซนทานคู่กับชาหรือกาแฟ ก็ดีไม่น้อย

บรรยากาศในร้านตกแต่งแบบโมเดิรน์ที่ขาว โถงโปร่ง พร้อมวิวทะเล อยากจะนั่งทานขนมชมวิวทะเลที่บาร์ริมหน้าต่างก็ได้

พี่ช้างสั่งมาแทบทุกอย่างในตู้ อร่อยทุกอย่างเลยแหะ ยิ่งทาคู่กับชา ช่วยตัดรสชาติได้เป็นอย่างดี

มาแวะพักหลบร้อนกันไปแล้ว คล้อยเย็นเราเดินทางมาต่อกันที่ Cape Manzamo หรือผางวงช้าง ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่สุดของโอกินาว่า และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังต่างๆมากมายทั้งจากญี่ปุ่นและเกาหลี  ว่ากันว่ากษัตริย์สมัยอาณาจักรริวกิวได้ตั้งชื่อ “มัมซาโม” ไว้มาจากความหมายว่า “ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่ผู้คนหนึ่งหมื่นคนสามารถนั่งพักได้” จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นคลื่นใหญ่โตที่ถาโถมเข้ามาที่ชายฝั่งและวิวทิวทัศน์ทะเลที่งดงามสุดไกลลับตา และยังเป็นแหล่งปะการังทะเลที่สวยงาม สามารถเดินจากลานจอดรถได้เพียงแค่ 1 นาที

จากผามัชซึโมะ เราขับเรียบทะเลมาเรื่อยๆหรือจะขึ้นทางด่วนก็ได้เพื่อกลับเข้าเมือง วันนี้มีเป้าหมายว่า ร่างกายต้องการเนื้อย่าง บุฟเฟ่ต์คือคำตอบ มาญี่ปุ่นแล้วไม่ได้กินเนื้อย่างเหมือนขาดอะไรไป

ร้าน GOCCHI Yakiniku ใกล้กับห้าง Aeno NAHA มีที่จอดรถใต้อาคาร ราคาคนละ 1980 เยน เติมข้าวและน้ำซุปได้ไม่อั้น รวมเครื่องดื่มซอฟ์ทดริ้ง ของหวานเรียบร้อย สามารถทานได้ 2 ชั่วโมง เปลี่ยนตะแกรงได้ฟรี 5 ครั้ง

ภายในร้านตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ มีจัดโซนแบบห้องส่วนตัไว้ด้วยสำหรับครอบครัวที่มีเด็กกลัวจะส่งเสียงดัง หรืออยากสังสรรค์ปาร์ตี้กับเป็นกลุ่มก็ได้ ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00-01.00

น้ำจิ้มหมดขอขวดใหม่ได้ ข้าว น้ำซุป เครื่องดื่ใ ขนมหวาน สามารถเดินไปตักเองได้ตลอด

ตักทุกอย่าง เนื้อมาแล้วก็ลุยยยยย

กินอิ่มจัดเต็มไปมื้อใหญ่ๆ ก็กลับโรงแรมนอนพักผ่อน เพื่อลุยกันต่อในวันที่ 3

_________________________________________________

วันที่ 3

วันที่สามนี้พี่ช้างจะพาเที่ยว ช้อปปิ้งทางตะวันออกของเกาะโอกินาว่า

แต่ก่อนอื่นเราจะไปไหวพระขอพรกันก่อนที่ Naminoue Shrine ศาลเจ้าแห่งนี้มีความพิเศษคือตั้งอยู่บนหน้าผาติดกับทะเล และยังเป็นศาลเจ้าที่สำคัญของโอกินาว่าอีกด้วย

ตามธรรมเนียก่อนเข้าไปไหว้ขอพร จะต้องล้างมือ ล้างหน้า บ้วนปากซะก่อน

ไหว้ขอพรกันเรียบร้อยแล้ว ยังเดินผ่านสวนลงไปนามิโนะอุเอะบีช ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้สนามบินมากที่สุด แถมสามารถลงไปเดินเล่น ริมหาด ไว้น้ำได้สบายๆ

เสร็จเราก็ล้อหมุนไปต่อยังทางตะวันออกของโอกินาว่า ข้ามไปยังเกาะ Henza Island สามารถขับรถผ่านทางเชื่อมเกาะที่มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร และมีวิวทิวทักศน์ที่สวยมากๆ จอดรถลงไปเดินถ่ายรูปคู่กับทะเลสีฟ้าสดใสได้ ยิ่งถ้าวันไหนแดดจัด สีของน้ำทะเลจะสะท้อนถ่ายรูปสวยมากๆ

ในช่วงที่ข้ามสะพาน ปลายสุดของจุดแวะพักรถ ก็จะเจอกับ Sea Culture Museum

เมื่อข้ามมาถึงเกาะ Henza Island ก็เกือบเที่ยง เรามาแวะกินข้าว Yonashiro Fisherman’s ซึ่งจะมีร้านอาหาร 味華海鮮食堂 อยู่ที่ท่าเรือ ปลาดิบที่นี่สดมากเหมือนกับที่ Toya Fish Port

ราคาแบบเซตเริ่มต้นที่ 1280 เยน ได้ข้าวพร้อมเนื้อปลาดิบ กุ้งสด สาระพัด อัดแน่น คู่กับซุปสาหร่าย เครื่องเคียง ฟินสุดๆ

กินท้องอิ่มเรียบร้อย ได้เวลาเดินย่อยช้อปปิ้งกันต่อที่ MEGA Don Quijote Uruma shop ซึ่งเป็นดองกิโฮเต้ที่สาขาใหญ่ที่สุดของโอกินาว่า มีของให้ช้อปเยอะมาก  ยิ่งถ้าใครเป็นสายคียตุ๊กตา ต้องแวะที่นี่ด่วนๆ เพราะตู้ที่นี่หลายตู้คือดีงาม ถ้าแม่นๆ มีโอกาสได้ชัวร์ๆ หยุดอยู่ที่นี่ตลอดครึ่งบ่าย อาจะล้มละลายได้เลย

สำหรับสายช้อป พี่ช้างก็มีลิงค์คูปองส่วนลดมากฝากด้วย โหลดคูปองได้ที่ ==>> http://url.changreview.com/3pwVv

ช้อปปิ้งหน่ำใจแล้วก็มุ่งกลับเข้าเมืองแวะกินเนื้อย่างกันต่อที่ร้าน Yakiniku King สาขา Naha Kumoji ใครสายเนื้อต้องมากแน่ๆ เพราะเป็นบุฟเฟ่ให้กินได้ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที

ที่นี่คนเยอะมากๆ มาช่วงเย็นอาจจะต้องต่อคิวนิดนึง ราคาต่อคนแล้วแต่เลือกเซต พี่ช้างขอแนะนำ 2980 เยน ก็ได้เมนูให้เลือกหลากหลาย แล้ว รวมขนมหวานเรียบร้อยแล้วด้วย ส่วนเครื่องจะเป็นราคาแบบ Refill หรือถ้าใครดื่มเบียร์ ก็มีแบบบุฟเฟ่เบียร์ด้วยนะ

หลังจากที่เลือกเซตได้แล้ว เราสามารถเลือกรายการอาหารจาก Tablet ที่วางอยู่ประจำโต๊ะได้เลย

สั่งสักพัก สาระพัดเนื้อ ก็มาวางเรียงให้เราได้อิ่มเอมกันอย่างเต็มที่

ปิดท้ายก่อนหลัง เราแวะมาเดินส่องของมือสองกันที่ Mangasouko Naha เปิด 24 ชม. ใครที่ชอบของแบรนด์เนมสภาพดีๆ พี่ช้างขอแนะนำเลย มีของให้เลือกเยอะและสภาพดีกว่า Book-Off ด้วยนะ

ช้อปกันจนขาลากแล้วก็พากันกลับเข้าโรงแรม เตรียมลุยต่อในวันที่สี่

_____________________________________________________

วันที่ 4

วันที่สี่เราจะเที่ยวทางตอนใต้และโซนกลางของเกาะกัน

หลังจากทานอาหารโรงแรมกันเรียบร้อยแล้ว เราเริ่มกันที่ Okinawa World

ที่นี่เป็นสวนสนุกที่ตกแต่งด้วยรูปแบบวัฒนธรรมโอกินาว่า โดยจุดท่องเที่ยวหลักๆ คือ ถ้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หมู่บ้านหัตถกรรม และพิพิธภัณฑ์งู ราคาบัตรคนละ 1240 เยน แต่ถ้าซื้อจากบริษัทรถเช่าจะถูกกว่า 100 เยน

เริ่มแรกเราเข้าไปที่ ถ้ำเกียวคุเซนโดะ(Gyokusendo Cave) ซึ่งเป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในทิศใต้ของเกาะโอกินาว่า และยาวเป็นอันดับสองของประเทศ ยาวถึง 5 กิโลเมตร มีความเป็นมายาวนานกว่า 300,000 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 850 เมตรแรก ภายในเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่งดงาม จัดไฟไลท์อัพสว่างไสวสวยงามให้สามารถเดินชมได้อย่างไร้กังวล

โซนถัดมาจะเป็นการจำลองหมู่บ้านริวกิวแบบดั้งเดิม มีกิจกรรมที่น่าสนใจเกี่ยวกับงานฝีมือประจำท้องถิ่นโอกินาว่า เช่น การทอผ้า ย้อมผ้า การทำกระดาษ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องดนตรี และการเป่าแก้วให้เราได้ร่วมสนุก แถมได้เป้นของที่ระลึกกลับไปอีกด้วย

ออกจาก Okibawa World ฝั่งตรงข้ามจะมีคาเฟ่ให้นั่งพักสบายๆที่ Valley od Gangala (หุบเขากังกาลา)

หุบเขาแห่งนี้ประกอบด้วยธารน้ำ ต้นไม้เล็กใหญ่ และถ้ำหินปูน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการถล่มของถ้ำเมื่อ 10,000 ปีก่อน แถมหุบเขาแห่งนี้ยังมีการขุดพบเครื่องมือยุคหิน ซากฟอสซิล และโครงกระดูกของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ อายุราว 18,000 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นชนกลุ่มแรกที่อาศัยบนเกาะนี้ หากต้องการเข้าชมต้องจองล่วงหน้าก่อน 1 วัน โดยจะมีไกด์พาเราเดินเที่ยวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ถ้าอยากแวะมานั่งพักสบายๆ จิบชาที่ร้านคาเฟ่เก๋ๆ ภายในถ้ำ ก็ให้บรรยากาศเย็นสบายคลายร้อนได้

จากที่นี่เราไปต่อกันที่ Umikaji Terrace Senagajima ถ่ายรูป ทานมื้อกลางวันกัน เซะนะกะจิมะ อุมิคะจิ เทอเรส เป็นมอลล์เล็กๆตั้งอยู่บนเกาะเซะนะกะจิมะใกล้กับสนามบินนาฮะ

ตัวอาคารและกำแพงสีขาวกับฉากหลังเป็นท้องฟ้าและน้ำทะเล เหมากับการถ่ายรูปฮิปๆ ที่นี่มีรีสอร์ทตากอากาศ ร้านค้า ร้านอาหาร ของที่ระลึก เครื่องประดับอีกหลากหลาย ยิ่งถ้ามาช่วงเย็นๆชมพระอาทิตย์ตก จิบค็อกเทล ชิวๆก็ดีไปอีก

ต่อมาเราขึ้นมาทางตอนกลางขอเกาะแวะ MEGA Don Quijote Ginowan ซึ่งด้านหน้าจะมีร้านช้อปใหญ่ๆอย่าง Uniqo , Daiso , BookOff

ได้เวลาช่วงเย็นเรามาต่อกันที่ American Village อีกหนึ่งสถานที่นอดฮิตที่ต้องแวะของโอกินาวา

ด้านในจะมีร้านค้าแฟชั่น ของที่ระลึกให้ได้ซื้อมากมาย ยิ่งถ้าได้มาช่วง SALE แล้วละก็จะมีของน่าได้ น่าสอยเต็มไปหมด โดยเแฑาะร้านเสื้อผ้า หรือใครไม่ใช่สายช้อปก็เดินถ่ายรูปเล่นแทน

ตกกลางคืนเปิดไฟประดับ ถ่ายรูปแล้วสวยงามมากๆ

ก่อนกลับ แวะทานราเมงที่ร้าน Kyoto Ramen Kairikiya ซึ่งอยู่หน้าทางเข้า American Village เป็นอีกหนึ่งร้านแนะนำ และคนรอเข้าคิวเยอะมากๆ ด้านในจะมีที่นั่งทั้งแบบบาร์และโต๊ะนั่ง หน้าร้านมีที่จอดรถ หรือจะจอดไว้ที่เดิมแล้วเดินมาก็ได้

ราเมงร้อนๆ น้ำซุปกระดูกหมูกลมกล่อม พร้อมเนื้อหมูชิ้นโต ราคาแค่ 790 เยน

ใครไม่อิ่มก็จะชาฮัง (ข้าวผัด) ไปอีกสักจาน ราคา 530 เยน

กินอิ่มแล้วก็กลับโรงแรมไปแพ็คกระเป๋าเตรียมพร้อมกับวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย ของชิ้นไหนยังขาด หาไม่เจอ รุ่งขึ้นจะได้ตามเก็บได้

_________________________________________________

วันที่ 5

เช้าวันสุดท้ายให้ได้พัก่อนได้อย่างเต็มที่สักนิดนึง เพราะเราจะต้องนั่งเครื่องกลับไทย ทานอาหารเช้าจากโรงแรม เช็คเอาท์ประมาณ 11 โมง

เราขับรถมากันที่ย่าน Kokusai Dori Street แถวนี้จะไม่ค่อยมีที่จอดรถฟรี ราคาที่จอดรถเริ่มต้นที่ 100-350 เยนต่อชั่วโมง สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรม ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า ห้างสรรพสินค้า ดองกิโฮเต้

เดินเรียบร้อยเรามาต่อกันที่ห้าง Aeno สาขา NAHA มาเดินทานซูชิและช้อปปิ้งปิดท้าย พี่ช้างพามาที่ร้าน回転寿司まぐろ問屋やざえもんイオン那覇店 อยู่ชั้น 3 หลังโซนตู้คีบตุ๊กตา

ในร้านจะเป็นซูชิแบบสายพาน หยิบทานเป็นจานๆ สั่งก็ได้ หรือแบบเป็นเซตก็มี เซปจะจัดเมนูให้เราตรงหน้าเลย

สั่งอาหารเรียบร้อยแล้วเราสามารถเดินไปตักซุปมิโซะทานได้ไม่อั้น

มาแล้ว เมนูของพวกเรา

หลังจากเดินช้อปปิ้งปิดท้ายกันเรียบร้อย เราจะต้องไปคืนรถตอน 6 โมงเย็น กว่าจะบินก้อ 3 ทุ่มกว่า จะเลือกหาอะไรทานที่ Aeno ก็ได้ หรือออกมาหาร้านทานข้างนอกก็ได้ เลยพากันมาแวะร้านอาหารก่อนถึงที่คืนรถ ชื่อร้าน琉球 鶏白湯らーめん アッパリซึ่งข้างๆกันมีร้าน Lawson อยู่ด้วย เผื่อทานเสร็จแล้วอยากตุนเสบียงเผื่อขึ้นเครื่องก็สบายๆ ไม่ต้องยุ่งยาก

เมนูอาหารมีทั้งข้าวและราเมงให้ได้เลือกทาน สามารถหยอดซื้อที่ตู้แล้วยื่นบัตรให้กับพนักงานได้เลย

 

ไปคืนรถก่อน 6  โมงเย็นเพื่อให้ขึ้นรถบัสไปสนามบินทันรอบ และมีเวลาไปเช็คน้ำหนักกระเป๋าจัดแพ็คของเพิ่มเติมต่อได้

มาถึงรอเช็คอินเวลา 19.55

เป็นอันจบทริปแบบฟินๆ กินอิ่ม ช้อปคุ้ม เที่ยวแน่นๆ แพลนนี้พี่ช้างไม่หวง ลอกแพลน สลับกันได้ตามสะดวก

บนเกาะโอกินาวายังมีที่เที่ยวตามปราสาทอีก 2-3 แห่ง ที่น่าสนใจ ถ้าได้มาช่วงหน้าหนาวปลายปี ต้นปี บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ แต่ถ้าใครมาช่วงหน้าร้อนแบบพี่ช้าง อาจจะเดินเหงื่อตกหน่อยๆ สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเวลาจอง พี่ช้างขอแนะนำแพ็คเกจสุดคุ้ม ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อม รถเช่า (Eco Type) + Pocket Wifi + ที่พัก 4 คืน ครบครันทุกการเดินทางไปกับ 4G Pocket WiFi จองได้เลยทาง

Website >>> https://www.4wifi.co.th/

Line >>> http://url.changreview.com/89Sxq

Facebook >>> https://www.facebook.com/4wifithailand/

สามารถโทรจองได้ที่เบอร์ 02-105-4447